เวียดนามกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโตของ ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Retail)
โดยมี อัตราการเติบโตของชนชั้นกลางที่สูงที่สุดในภูมิภาค
VRE มีรูปแบบห้างสรรพสินค้าหลากหลาย ซึ่งมีความเหมาะสมต่างกันตามพื้นที่ที่เปิดให้บริการ เช่น Vincom Center เหมาะสำหรับพื้นที่ในเขตเมืองใหญ่ (Urban) , Vincom Mega Mall เหมาะสำหรับพื้นที่ในเขตชานเมือง (Suburban) , Vincom+ เหมาะสำหรับพื้นที่ในเขตเมืองรอง (2nd, 3rd-tier cities, Rural)
ห้างสรรพสินค้าของ VRE สามารถดึงดูดทั้ง ผู้เช่า และ ลูกค้า ได้เป็นอย่างดี
ในด้านของผู้เช่า (Tenants) – VRE มีระบบระเบียบที่ดี เอื้อต่อการเปิดร้านค้า เช่น ระบบน้ำไฟ ระบบขนส่ง คลังสินค้า รวมถึงมี อัตราการเข้าห้างของลูกค้าที่มาก (Footfall)
ในด้านของลูกค้า (Consumers) – VRE มีแบรนด์สินค้าที่โด่งดัง มีระดับ ครบครัน
ฉะนั้น 2 ด้านนี้เลยดึงดูดซึ่งกันและกัน ผู้เช่าอยากเข้ามาเปิดร้านใน VRE เพราะทำเลดี ลูกค้าเยอะ ส่วนลูกค้าก็อยากเข้ามาเดินห้าง VRE เพราะร้านค้าเยอะ เกิดเป็น network effect ที่ยากจะลอกเลียนแบบ
VRE ได้รับอานิสงค์จาก VinGroup Ecosystem ที่เอื้ออำนวยซึ่งกันและกัน เช่น
-ห้างของ VRE จะไปเปิดในละแวกเดียวกับ โครงการบ้านของ VinHomes หรือในเส้นทางเดินรถของ VinBus
-VRE นำข้อมูลจาก VinAI มาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเพื่อทำการตลาด
-VinBus
Revenue Model ของบริษัท ประกอบไปด้วย
80% Fixed Rent (อัตราค่าเช่าแบบคงที่)
20% Revenue Sharing (แบ่งรายได้จากยอดขายของร้านค้า)
โดยในสัญญาค่าเช่าแบบคงที่ อัตราค่าเช่าจะปรับขึ้นทุกๆ 3 ปี โดยใน 3 ปีแรกจะเพิ่มขึ้นล้อไปกับอัตราเงินเฟ้อ (CPI) และ จากนั้นจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10%
ปัจจุบัน VRE มีพื้นที่ขาย (GFA: Gross Floor Area) ราว 1.75 ล้านตารางเมตร
และภายในปี 2026 บริษัทตั้งเป้าที่จะมี พื้นที่ขายรวม 4.7 ล้านตารางเมตร