เมื่อวานนี้แอดมินได้มีโอกาสได้ Live: ‘เวียดนาม’ ลงทุนอย่างไรให้ปัง ร่วมกับ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และพี่เผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth

ดร.นิเวศน์ฯ ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นเวียดนาม จึงขอนำมาฝากดังนี้ค่ะ


ตอนนี้เวียดนามยังน่าลงทุนอยู่หรือเปล่าคะ?

จริงๆ ต้องบอกว่าเวลานี้พร้อมที่สุดแล้วครับ ก่อนหน้านี้ประมาณ 5 ปี ผมก็ไปแล้วก็ผิดหวังไปหลายปี จนล่าสุดทุกอย่างกลับคือมาตามที่เราคาด

ผมดูว่าปัจจัยทุกตัวพร้อมหมด ต้องเข้า! เมื่อเช้านี้ยังโอนเงินไปซื้อหุ้นเวียดนามอยู่เลย ซื้อเพิ่มเรื่อยๆ

ผมดูว่ารอบที่แล้วที่ไปมันมีบางอย่างไม่พร้อมแต่เรารีบไป อยาก Diversified แล้วก็ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดเวียดนาม ด้วยความรีบเราก็กวาดไปเลย

จริงๆ ผมไปเวียดนามตอนแรกดัชนีประมาณ 600 จุด ขึ้นไปเป็นพันหนึ่ง ดูหุ้นเรามันไม่ไปไหน หุ้นที่ขึ้นก็คือหุ้นที่ต่างชาติซื้อ แล้วมันตกลงมา ตอนนี้กลับมาพันหนึ่งใหม่พอร์ตเราก็ขึ้นมาหลายสิบเปอร์เซ็นต์ เทียบกัน 5 ปีกับตลาดหุ้นไทยเราไม่ไปไหนเลย (เวียดนามผลตอบแทนดีกว่า)

ผมว่ารอบนี้มันพร้อมทุกอย่าง คือปัจจัยที่ผมดูมันเอื้ออำนวยหมด

เรื่องแรก GDP ปีที่แล้วสะดุดโควิดยังโต การเติบโต GDP เข้ามันโตด้วย Fundamental จริงๆ ตอนนี้ประเทศเปลี่ยน การลงทุนเพียบเลย โรงงานใหม่ๆ กำลังสร้าง Foxconn ที่กำลังจ้างคนมหาศาลก็กำลังมา  เศรษฐกิจของเวียดนามเอง ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี นี่คือปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เวียดนามกำลังเปลี่ยนประเทศการเกษตรเป็นอุตสาหกรรม มีการลงทุนฐานการผลิตจากต่างประเทศมากมาย ตัวเลข Foreign Direct Investment (FDI) แซงหน้าไทยไปหลายเท่า เมื่อมีภาคการผลิตโต ก็ขายสินค้าในประเทศได้ และส่งออกไปได้ด้วย

ประเด็นที่สอง อัตราดอกเบี้ยนโยบายขาลง เมื่อก่อนยังสูงมาก 6-7% ต่อปี ไม่เอื้อต่อการลงทุนในภาคธุรกิจ แต่ปัจจุบันเหลือ 4% ต่อปี ดังนั้นเทรนด์ดอกเบี้ยเป็นขาลง ต้นทุนการเงินการทำธุรกิจก็น้อยลงด้วย

ประเด็นที่สาม คือ การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนของเวียดนามมีทิศทางที่ดี เพราะเศรษฐกิจที่โต การบริโภคภาคประชาชนดีขึ้น และกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่นก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

ประเด็นที่สี่ คือ ค่า Price to Earnings Ratio (P/E) ของหุ้นเวียดนามยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก เปรียบเทียบในอาเซียนคือต่ำที่สุด

ประเด็นที่ห้า คือ สถานการณ์การเมืองนิ่ง ด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ แต่มีการขับเคลื่อนนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน ไม่หยุดชะงัก รัฐบาลมีทิศทางในการอัปเกรดประเทศ แต่ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ เป็นถูกจัดอันดับว่าเป็นตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier Market) ถ้าทิศทางของเวียดนามยังเป็นขาขึ้น โอกาสที่จะเลื่อนขึ้นเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) เท่าไทย มีความเป็นไปได้สูงมาก

ดร.นิเวศน์ บอกว่า ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา เวียดนามสามารถคุมการแพร่ระบาด Covid-19 ได้เป็นอย่างดี เศรษฐกิจก็ฟื้นกลับมาได้เร็ว และยังสามารถโตได้ ตลาดหุ้นเวียดนามในรอบปีที่ผ่านมา ก็มีรายย่อยสมัครเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดันดัชนี VNI และ HNX ได้

มุมมองหลังจากนี้ เขามองว่า หุ้นเวียดนามจากที่เห็นภาพ Growth Stock จะเริ่มมี Super Stock หุ้นรายอุตสาหกรรมอย่างอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก ธนาคาร และก่อสร้าง จะเริ่มมีทิศทางที่ดี ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นไทยในอดีต ที่เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว

สอดคล้องกับคุณเต๋า ที่ได้พูดถึงดัชนี VNI ว่า ช่วง Covid-19 ก็กดดันดัชนีให้ตกลงไปช่วงเดือนมี.ค.ที่ประมาณ 660 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของปี แต่ผ่านมาได้ 11 เดือนแล้ว ดัชนี VNI ขึ้นมาเกือบ 80% หวิดจะทำนิวไฮทะลุ 1,200 จุด ก่อนจะมีแรงเทขายออกมาช่วงเดือนม.ค. ที่ผ่านมา

‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ ก็ยังมีเสน่ห์ให้ลงทุน ดัชนี VNI ยังไงต้องทำนิวไฮอีก ไม่ช้าก็เร็ว คุณเต๋า บอกว่า ถึงดัชนีจะขึ้นแรง ก็ยังเป็นจังหวะลงทุน เพราะตลาดหุ้นเวียดนามเกือบจะทำนิวไฮ 1,200 จุดได้ 3 ครั้ง ครั้งแรกปี 2550 ตอนนั้นค่า P/E 45 เท่า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยนโยบายดอกเบี้ยยังสูงอยู่ ต่อมาช่วงปี 2561 ดัชนี VNI ได้ทำนิวไฮเฉียด 1,200 จุกเป็นครั้งที่ 2 แต่ค่า P/E ถูกลงมา 23 เท่า

ผ่านมาจนถึง 2564 ดัชนีหวิดจะทะลุ 1,200 จุดครั้งที่ 3 แต่ค่า P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 18 เท่า

คุณเต๋า เชื่อว่า เวียดนามมีศักยภาพโตได้ เพราะเศรษฐกิจและประชากร เห็นด้วยกับดร.นิเวศน์ที่บอกว่า เวียดนามจะเป็น The Next Thailand and Beyond เพราะการเติบโตของจีดีพีปี 2020 เวียดนามโตสูงสุดในอาเซียนแซงจีน อีกทั้งปีนี้นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างให้มุมมองว่าจีดีพีเวียดนามมีโอกาสโตได้อีก 6-10%

อย่างปี 2563 ที่เกิด Covid-19 กำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม VN30 ETF โตเฉลี่ยประมาณ 7% ขณะที่บริษัทไทยใน SET50 ETF น่าจะติดลบประมาณ 30%
พอดูตัวเลขย้อนหลังไป 5 ปี ETF (Exchange Traded Fund) หุ้น VN30 โต 116% ส่วน SET50 โต 8%

ลงทุนใน ‘หุ้น’ หรือ ‘ETF’

ทั้งดร.นิเวศน์และคุณเต๋า เลือกไปลงทุนในหุ้นรายตัว และกระจายความเสี่ยงลงใน ETF ที่อยู่ในตลาดหุ้นเวียดนามด้วย ล่าสุดที่ตลาดหุ้น HOSE ออกกองทุน Diamond ETF ซึ่งอิงกับดัชนี VN-Allshare หุ้น 14 ตัวในดัชนีนี้ คือ หุ้นที่มี Foreign Ownership Limit และค่า P/E ต่ำ

Diamond ETF เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติได้มีโอกาสลงทุนในหุ้นที่ไม่สามารถลงทุนโดยตรงได้ ดร.นิเวศน์มองว่า ETF ตัวนี้ตอบโจทย์ เพราะจะได้ลงทุนในหุ้นเวียดนามที่เป็น Super Stock

“ยิ่งถ้าไม่มั่นใจว่า จะลงทุนหุ้นตัวไหน การลงทุนผ่าน ETF เป็นอีกทางเลือกที่ความเสี่ยงน้อยลง” ดร.นิเวศน์กล่าว “ยิ่งตอนนี้ โอกาสดี ลงทุน ETF หุ้นเวียดนาม มีแนวโน้มโตเฉลี่ย 10-15% 5 ปีมีความเป็นไปได้โตเท่าตัว”

แต่การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ล้วนมีความเสี่ยง แรงเหวี่ยงมีโอกาสบวกลบสูงเช่นเดียวกัน นี่คือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ ดร.นิเวศน์มองว่า อย่างเวียดนาม บางปีก็มีโอกาสเหวี่ยงไปได้ถึงบวกลบ 30% เช่นเดียวกัน แต่ในระยะยาว 5-10 ปี เป้าหมายผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ถือว่า ยอดเยี่ยม คุ้มค่าที่จะลงทุน

คุณเผ่า บอกว่า ก่อนหน้านี้ Jitta Wealth มีบริการกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking เวียดนาม ที่ให้ไปลงทุนในหุ้นเวียดนามคุณภาพดี ราคาไม่แพง ตามหลักการของ Warren Buffett โดยใช้แพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้น Jitta จัดอันดับ ‘หุ้นดี ราคาถูก’ น่าลงทุน 20 อันดับแรก จากผลประกอบการย้อนหลัง 10 ปี นำมาจัดพอร์ตให้ลูกค้า และปรับพอร์ตให้ทุก 3 เดือนแบบอัตโนมัติ

หุ้นที่ Jitta คัดกรองมาให้มักเป็นหุ้นที่กองทุนไม่สนใจ เป็นหุ้นขนาดกลาง แต่ปี 2563 ช่วง Covid-19 หุ้นเวียดนามหลายตัววิ่งได้แรง ราคาหุ้นพุ่งไปถึง 100% ขณะที่รายได้โต 30% ทำให้ผลตอบแทน Jitta Ranking เวียดนามในพอร์ตลงทุนของลูกค้าหลายคนน่าประทับใจมาก กำไรประมาณ 50-70%

คุณเผ่าทิ้งท้ายว่า เวียดนามกำลังเป็นดาวรุ่งในโลกการลงทุน และมีโอกาสโตได้ในระยะยาว แต่สิ่งสำคัญคือ การศึกษาหาความรู้และข้อมูลเพิ่มเติมก่อนลงทุน ถ้ายังไม่มั่นใจ เริ่มต้นด้วย ETF กระจายความเสี่ยงในหุ้นหลายๆ ตัว ใช้เงินลงทุนน้อยๆ ก่อน ถ้ามั่นใจมากขึ้น และรับความเสี่ยงได้ ค่อยลงทุนหุ้นรายตัว ก็ยังไม่สาย

Credit

บทความบางส่วนจาก https://blog.jittawealth.com