หน้าแรก แท็ก บทความ

แท็ก: บทความ

จบรอบหุ้นใหญ่แสนล้าน?

0
โลกในมุมมองของ Value Investor     15 กุมภาพันธ์ 63 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร วันศุกร์ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์นั้น  สำหรับนักเล่นหุ้นแนวเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยคงเป็น “ช็อก” เล็ก ๆ  ที่เตือนให้รู้ว่า  “การลงทุนมีความเสี่ยง” ที่ทำให้ขาดทุนโดยไม่ได้คาดคิดได้  เพราะแม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นจะลดลงเพียง 6 จุดหรือลดลงเพียง 0.42%  แต่หุ้นที่กำลังร้อนแรงกลุ่มหนึ่งที่วิ่งขึ้นโดดเด่นเกือบทุกวันรวมถึงช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 14 กลับตกลงมาประมาณ 3-5% ตอนปิดตลาด  เพราะสำหรับนักเล่นหุ้นในช่วงเร็ว ๆ นี้ที่ดัชนีตลาดมักไม่ค่อยไปไหนและมีทิศทางลดลงแต่หุ้นกลุ่มดังกล่าวกลับปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ  พร้อมปริมาณการซื้อขายที่สูงลิ่วและนักลงทุนลุ้นกันทุกวันว่ามันจะขึ้นไปถึงจุดไหนในหุ้นแต่ละตัว  นี่คือกลุ่มหุ้นที่ “พลาดไม่ได้” เพราะมันเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีเยี่ยม กิจการมั่นคงเติบโต  เป็นหุ้นที่มีขนาดหรือมูลค่าหุ้นเป็นแสนแสนล้านบาท ผมเองติดตามความเคลื่อนไหวและความเป็นไปของตลาดหุ้นเกือบทุกวันเป็นเวลานานมากเท่า ๆ  กับที่อยู่ในตลาด ปรากฏการณ์ที่ผมเห็นมาตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมาก็คือ  นักเล่นหุ้นส่วนบุคคลซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการซื้อขายหุ้นมากที่สุดขนาดที่บางคนซื้อขายกันทุกวันนั้น  จะหา “หุ้นร้อน” ที่จะเล่น  และในบางช่วงเวลาก็จะมีหุ้นร้อนที่มีธีมบางอย่างที่สามารถกระตุ้นให้คนสนใจเข้ามาซื้อขายหุ้นได้  บ่อยครั้งก็เป็นเรื่องของอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตหรือกำลังได้ประโยชน์จากกฎเกณฑ์ของรัฐ  ทั้งหมดนั้นมักจะดำเนินอยู่ยาวนานพอสมควรอย่างน้อยก็เป็นปี  เมื่อเกิดกระแสหรือ“จุดติด”  แล้ว  หุ้นในกลุ่มนั้นก็จะปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ  พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างแรง  ราคาของหุ้นขึ้นไปเป็นร้อยหรือหลายร้อยเปอร์เซ็นต์จนคนทั้งตลาดซึ่งรวมถึงนักวิเคราะห์ต่างก็เข้ามา “ร่วมขบวน”  และต่างก็บอกว่าหุ้นก็จะไปต่อไปเนื่องจากพื้นฐานที่ดีของบริษัท วันที่ประชามติออกมาเป็นเอกฉันท์ว่าหุ้นในกลุ่มนั้นทั้งกลุ่มมีราคาที่เหมาะสม  ก็มักจะเป็นวันที่ราคาหุ้นขึ้นไปสูงสุด บางครั้งก็เกิดขึ้นทันทีกับหุ้นทั้งกลุ่มเช่น  หุ้นตกลงมาทั้งกลุ่มโดยที่ไม่มีสาเหตุชัดเจน  เป็นไปได้ว่ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับหุ้นบางตัว  หลังจากนั้นนักลงทุนอาจจะเริ่มตระหนักว่าหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่มีความคล้ายคลึงกันก็อาจจะเกิดขึ้นได้  คนหนึ่งขายหุ้นอย่างหนักหุ้นก็ตกทำให้คนที่จ้องมองอยู่ขายบ้างทำให้หุ้นตกเพิ่มขึ้นซึ่งก็ทำให้คนต่อไปทำเช่นเดียวกัน  ผลก็คือหุ้นตกลงมาเป็นแผงคล้าย ๆ  กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันวาเลนไทน์  หลาย ๆ  ครั้งวันที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นมักจะเป็นวันใกล้วันประกาศงบการเงินประจำไตรมาศหรือประจำปี  เหตุผลอาจจะเป็นว่าหุ้นเหล่านั้นมักจะเป็นหุ้นที่เน้นแนวเติบโตสูง  การประกาศงบจะเป็นวันที่บอกว่าหุ้นโตจริงหรือเปล่า  คนที่มีข้อมูลภายในที่อาจจะรู้ว่างบไม่ดีอย่างที่คาดก็อาจจะขายก่อนและทำให้หุ้นตกมาแรงและทำให้ภาพของหุ้นทั้งกลุ่มเปลี่ยนแปลงไป  หลังจากนั้นหุ้นก็อาจจะไม่กลับไปดีมากอย่างที่เคย  แบบนี้เราเรียกว่า  “จบรอบ” ประมาณปี 2557 นั้น  เราได้เห็นหุ้นขนาดเล็กรวมถึงหุ้นในตลาด MAI หลายบริษัทปรับตัวขึ้นไปดีมากเป็นที่กล่าวขวัญของนักลงทุนว่าเป็นกิจการที่โตเร็ว  หุ้น IPO ขนาดเล็กเป็นที่ต้องการสูงมากเพราะคนจองได้กำไรเป็นกอบเป็นกำทุกตัว  อย่างไรก็ตามรอบของหุ้นเล็กนั้นก็จบลงน่าจะประมาณปลายปี 2557 และหลังจากนั้นก็ไม่ฟื้นเลย  เหตุผลก็อาจจะเป็นเพราะว่าเรื่องราวหรือสตอรี่ของหุ้นตัวเล็กนั้นสร้างไม่ค่อยได้  และเมื่อผลประกอบการทยอยออกมาฟ้องว่ามันไม่ได้โตได้มากอย่างที่คิด  นักลงทุนที่ “ชาญฉลาด”  หรือคนที่  “ทำหุ้น” ก็รีบถอยโดยการขายหุ้นทิ้งทำกำไรไปก่อนที่ราคาจะไหลลงจนกลับขึ้นไปไม่ได้ ช่วงปี 2559-2560 เป็นเวลาของหุ้นขนาดกลางหรือกลางเล็กที่ผมเรียกว่าเป็นกลุ่ม “หุ้นนางฟ้า” ที่มักเป็นหุ้นสินค้าผู้บริโภคที่มีแบรนด์เนมดี  มีกำไรดี  มีฐานะการเงินเยี่ยม  และที่สำคัญมีสตอรี่ของการเติบโตจากตลาดใหม่ในต่างประเทศ  เหตุก็เพราะว่าหุ้นผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นอย่างนั้นในอดีต  แต่เหตุที่มันไม่ค่อย Perform หรือหุ้นไม่โตก็เพราะว่าหุ้นเหล่านั้นมักจะมีภาพของธุรกิจที่ค่อนข้างอิ่มตัวในประเทศ  การส่งออกหรือขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวจึงกลายเป็นสตอรี่ที่ทำให้กลุ่มหุ้นนางฟ้าวิ่งเป็นจรวด  ราคาขึ้นไปหลายเท่าในเวลาเพียง1-2 ปี  แต่หลังจากที่งบการเงินออกมาต่อเนื่องและฟ้องว่าไม่ได้เติบโตอย่างที่คาด  ราคาหุ้นก็ร่วงทั้งกลุ่ม  หุ้นจบรอบลงอย่างน่าเศร้าสำหรับนักลงทุนที่เข้าไปเล่นในยามที่ทุกอย่างดูสดใสและ “ไม่เสี่ยงเลย”  เพราะมันเป็นหุ้นที่ทุกคนรวมถึงนักลงทุนสถาบันและต่างประเทศบอกว่ามันดี ล่าสุดก็คือกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ระดับแสนล้านบาทโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าและอีกหลายตัวที่ผมมองดูมานานพอสมควรและเห็นว่ามีหุ้นอย่างน้อย 5 ตัวที่เป็นขวัญใจของนักเล่นหุ้น  รอบของ “หุ้นใหญ่แสนล้าน” นั้นน่าจะผ่านมาประมาณ 2 ปีแล้วคือตั้งแต่ต้นปี 2561 เป็นต้นมา  โดยที่คุณลักษณะที่ร่วมกันของหุ้นกลุ่มนี้สามารถอธิบายเป็นข้อ ๆ ดังต่อไปนี้ 1) เป็นหุ้นที่ขณะนี้มี Market Cap. อย่างน้อย 100,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งกลายเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นหุ้นขวัญใจของนักเก็งกำไรที่ในอดีตชอบเล่นแต่หุ้นเล็กที่ราคามักวิ่งขึ้นเร็วกว่า  อย่างไรก็ตาม  หุ้น 5 ตัวนี้คือหุ้นที่วิ่งขึ้นเร็วมากจนไม่น่าเชื่อ  ราคาหุ้นขึ้นไปในเวลา 2 ปีหรือน้อยกว่านั้นโดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 110% ซึ่งในอดีตนั้น  หุ้นใหญ่ขนาดนี้ขึ้นไปอย่างมากก็ปีละ 20-30% ก็ถือว่ามากแล้ว 2) Market Cap. ของ 5 บริษัทรวมกันจนถึงปัจจุบันประมาณ 900,000 ล้านบาท และในช่วงน้อยกว่า 2 ปีที่ผ่านมาได้สร้าง Market Cap. เพิ่มขึ้นประมาณ 530,000 ล้านบาท  นี่เป็นเม็ดเงินมหาศาลที่ทำให้คนที่เข้าไปลงทุนหรือผู้ถือหุ้นเดิมมั่งคั่งขึ้นมหาศาล 3) บริษัททั้ง 5 แห่งนั้นไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่เติบโตเร็ว  แต่เป็นอุตสาหกรรม “พื้นฐาน” ที่น่าจะอิ่มตัวในประเทศ  แต่กำลังขยายไปต่างประเทศ  โดยที่กำไรที่ผ่านมาในอดีตนั้นอยู่ในระดับพอใช้เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้หรือส่วนของผู้ถือหุ้น   การเติบโตของกำไรที่ผ่านมานั้นอยู่ในระดับปานกลางถึงดีแต่ก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก  อย่างไรก็ตาม  ดูเหมือนว่าจะมีความคาดหวังสูงมากสำหรับการเติบโตของกำไรที่จะมาจากต่างประเทศเนื่องจากโครงการต่าง ๆ  “กำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็ว” 4) หุ้นเกือบทั้งหมดนั้นมีค่า PE ที่สูงลิ่วเช่นเดียวกับค่าความแพงอื่น ๆ  เฉลี่ยหุ้น 5 ตัวมีค่า PE สูงถึง 53 เท่า 5) หุ้นทุกตัวนั้นแม้ว่าจะมี Market Cap. เป็นแสนหรือหลายแสนล้านบาท  แต่ Free Float หรือส่วนที่ถือโดยนักลงทุนที่จะซื้อขายหุ้นในตลาดคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่เท่า ๆ  กัน  เนื่องจากบริษัทมักจะเป็นกิจการที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมที่เป็นผู้ก่อตั้งถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่  หรือไม่ก็เป็นบริษัทลูกของบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ที่ไม่มีนโยบายขายหุ้นในตลาด  และนี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้การซื้อขายของนักเก็งกำไรโดยเฉพาะที่เป็นรายใหญ่ซึ่งอาจรวมถึงสถาบันอาจจะสามารถชี้นำราคาหุ้นได้ทั้ง ๆ  ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ระดับแสนล้านบาท คงต้องดูกันว่าหุ้นกลุ่มที่กล่าวถึงนี้จะมีคำว่า  “จบรอบ”  เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ในอดีตหรือไม่และจะเกิดขึ้นเมื่อไร  ประสบการณ์บอกผมว่าเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากเมื่อคำนึงถึงระดับราคาของหุ้นและสตอรี่ต่าง ๆ  ที่คาดกันว่าจะเกิดขึ้น  ผมเองเคยเห็นหุ้นขนาดแสนล้านบาทที่วิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากบางทีแค่หมื่นหรือสองสามหมื่นล้านบาทมาอยู่เนือง ๆ  แต่ในที่สุดก็ตกลงมาแบบ  “หายนะ” เมื่อผลประกอบการไม่รองรับและค่า PE ที่สูงลิ่ว  ในครั้งนี้  ถ้าจะพูดว่าอาจจะมีบางตัวสามารถรักษาระดับราคาอยู่ได้ตลอดไปผมก็คิดว่ามีความเป็นไปได้   อย่างไรก็ตาม  ถ้ามองเป็นกลุ่มแล้ว  ผมยังคิดว่ารอบนี้ก็น่าจะเหมือนเดิม  คือมีวัน  “จบรอบ” ที่ราคาหุ้นตกลงมาอย่างน่าใจหาย  

หุ้นเวียดนาม: ดี-เลว-อัปลักษณ์ 2019

0
The Good, the Bad and the Ugly เป็นหนังคาวบอยอิตาลี ที่ทำให้คาวบอยอเมริกันถูกฝังตายมาจนทุกวันนี้...... เว็บวิจารณ์หนัง 3 สถาบันหลัก ให้คะแนนหนังเรื่องนี้สูงลิ่ว (IMDB 8.8/10 คะแนน , RottenTomatoes 97%, Metacritics 90%) แต่เดี๋ยวๆ นี่มันเพจหุ้นเวียดนามไม่ใช่เพจหนัง เราคงทำได้แค่เปรียบเทียบ...

4 ปีในตลาดหุ้นเวียตนาม

0
โลกในมุมมองของ Value Investor     21 ธันวาคม 62 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร             ผมเพิ่งตระหนักว่าตนเองได้เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียตนามประมาณ 4-5 ปีแล้วด้วยเม็ดเงินกว่า 10% ของพอร์ตทั้งหมด  ในตอนนั้นวัตถุประสงค์ที่สำคัญก็คือการ Diversify หรือกระจายความเสี่ยงของพอร์ตที่เป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหุ้นไทยทั้งหมด  ผมคิดว่าการลงทุนในประเทศเดียวนั้นมีความเสี่ยงกว่าการลงทุนในหลายประเทศและหลายตลาด  และตลาดหุ้นที่ผมเลือกที่จะไปก็คือเวียตนาม  เหตุผลก็คือ  ประเทศเวียตนามกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงของการเติบโตสูงอานิสงค์จากการเปลี่ยนและเปิดประเทศจากสังคมนิยมเป็นทุนนิยม  เป็นประเทศที่มีประชากรวัยหนุ่มสาวเยอะมาก  คนทั้งประเทศมีกว่า 90 ล้านคน  ค่าแรงของประเทศต่ำกว่าไทยครึ่งหนึ่งและเป็นประชากรที่มีการศึกษาดีขยันขันแข็ง  ผลการทดสอบ PISA Test ของนักเรียนได้คะแนนสูงเท่า ๆ ...

VI บูรณาการ

0
โลกในมุมมองของ Value Investor 14 ธันวาคม 62 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร             คนที่เป็น VI “พันธุ์แท้” และเป็นมานานนั้น  ผมเชื่อว่าในที่สุดเขาก็จะขยายแนวความคิดและปรัชญาแบบ VI ออกไปจนครอบคลุมถึงทุกเรื่องในชีวิต  มุมมองต่อสังคม  ประเทศ และโลก   และดังนั้น  พวกเขาก็จะมีหลาย ๆ  สิ่งหลาย ๆ  อย่างที่คล้ายคลึงกันไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลก  นี่ก็คงเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าตัวเองชอบสไตล์การใช้ชีวิตและมุมมองในหลาย ๆ ด้านของวอเร็น บัฟเฟตต์ซึ่งเป็น VI พันธุ์แท้และเป็นไอดอลของผมและของ VI...

ทศวรรษที่(อาจ)หายไป

0
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร โลกในมุมมองของ Value Investor 7 ธันวาคม 62 ในฐานะที่เป็น VI ที่เน้นการลงทุนระยะยาวและปกติก็จะถือหุ้นแต่ละตัวเกินกว่า 5 ปี หลายตัวถือเกิน 10 ปี ผมจึงสนใจพัฒนาการทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และตลาดหุ้นในระยะยาวว่าเป็นอย่างไร ข้อสรุปของผมที่ผ่านมาก็คือ ...

หุ้นร้าว. ในระบบเศรษฐกิจของไทยที่คนแก่ตัวลงและโตช้าลงมาก ดังนั้น หุ้นที่แพงจัดมาก ๆ ...

0
โลกในมุมมองของ Value Investor         16 พฤศจิกายน 62 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร หุ้นร้าว ​สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาของการประกาศงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่นักลงทุนต้อง  “ลุ้น”  กันว่าหุ้นที่ตนเองถืออยู่นั้นจะประกาศผลงานที่ดีขึ้นหรือแย่ลงมากน้อยแค่ไหน  เพราะผลงานที่ดีขึ้นโดยเฉพาะที่ดีเกินกว่าที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนคาดจะทำให้หุ้นวิ่งขึ้น  ในทางตรงกันข้าม  ผลงานที่น่าผิดหวังจะทำให้หุ้นตกลง  ในกรณีของหุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นที่ไม่มีนักวิเคราะห์ติดตาม  กำไรที่ดีขึ้นก็มักจะเป็นสัญญาณให้นักเก็งกำไรหรือ “นักปั่นหุ้น” เข้าไปไล่ราคาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับหุ้นที่ตนเองถือ  สำหรับ VI การติดตามผลประกอบการรายไตรมาศเป็นสิ่งสำคัญที่นอกจากจะช่วยให้เราวิเคราะห์หุ้นที่ตนเองถือต่อเนื่องแล้ว  ยังเป็นเวลาที่จะติดตามดูว่ามีหุ้นตัวไหนที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่น่าลงทุนหรือไม่ ​ไตรมาศ 3 ปี 2562 นี้ดูเหมือนว่าการประกาศงบการเงินจะมีผลกระทบกับหุ้นโดยเฉพาะขนาดกลางและเล็กหลาย ๆ ตัวที่เคยเป็นหุ้นเด่นและนักเล่นหุ้นนิยมเล่นกันมาก  หลังจากประกาศ   หุ้นเหล่านั้นก็ตกลงมาน่าจะประมาณ...

เล่นหุ้นตามรอบ

0
โลกในมุมมองของ Value Investor      10 พฤศจิกายน 62 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ​สำหรับคนที่เกาะติดตลาดหุ้นและลงทุนหรือเล่นหุ้นตลอดเวลามานานหลาย ๆ  ปีและ “จำได้” ก็จะพบว่าผลตอบแทนการลงทุนและความนิยมของหุ้นกลุ่มต่าง ๆ นั้น  บ่อยครั้งก็จะมี “รอบ” ของมัน  ความหมายก็คือ  ในช่วงเวลาหนึ่งซึ่งมักจะเป็นเวลาเกินปีหรือบางครั้งก็หลายปี  จะมีหุ้นกลุ่มหนึ่งหรือบางทีมากกว่านั้นที่ผลตอบแทนหรือราคาหุ้นจะเติบโตโดดเด่นเป็นพิเศษ   ตอนเริ่มแรกก็อาจจะมีแค่หุ้นบางตัวในกลุ่มที่วิ่งขึ้นไปแรงมากด้วยเหตุผลต่าง ๆ  ซึ่งรวมถึงผลประกอบการที่เติบโตขึ้นมาก  และเรื่องราวหรือสตอรี่ของบริษัทที่สดใส  รายได้และ/หรือโครงการในอนาคตนั้นจะเพิ่มพูนขึ้นมากจากโครงการทั้งปัจจุบันและอนาคตที่มั่นคงอานิสงค์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เป็น“เมกาเทรนด์”  ประกอบกับความสามารถของบริษัทที่ได้มีการพิสูจน์แล้ว ต่อมาหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือธุรกิจเดียวกันก็เริ่มวิ่งตามมา  เหตุผลก็แบบเดียวกันนั่นคือ  บริษัทก็มีกำไรที่ดี  มีโครงการใหม่ไม่น้อยไปกว่ากันเท่าไร...

จากแม่ชม้อยถึงแม่มณี

0
โลกในมุมมองของ Value Investor         2 พฤศจิกายน 62 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร จากแม่ชม้อยถึงแม่มณี แชร์ลูกโซ่ 4.0 ​การต้มตุ๋นทางการเงินจากประชาชนทั่วไปแบบ “แชร์ลูกโซ่” หรือในทางสากลเรียกว่า “Ponzi Scheme” นั้นน่าจะถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยและทำความเสียหายให้กับ “เหยื่อ” มากที่สุดในสังคมไทย  เหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่าแชร์ลูกโซ่นั้นมักถูกออกแบบและโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้เป็นเรื่องของ “การลงทุน” ที่ให้ผลตอบแทนดีมากและมีความเสี่ยงต่ำซึ่งจะดึงดูดให้คนทั่วไปสนใจเข้ามาลงทุน  โดยที่ธุรกิจหรือการลงทุนที่จะทำนั้นจะเป็นเรื่องที่กำลังโด่งดังอยู่ในกระแส เช่น ในช่วงปี 2520 และต่อมาอีกหลายปีนั้นก็เป็นเรื่องของวิกฤติน้ำมันที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงมาก  การลงทุนในธุรกิจน้ำมันน่าจะให้ผลตอบแทนที่งดงาม  และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของ “แชร์แม่ชม้อย” ที่ถือว่าเป็นแชร์ลูกโซ่รายแรกของเมืองไทย   ​คำว่าผลตอบแทนที่ดีมากนั้น  ในความคิดของคนทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินมากมายนักในประเทศไทยผมคิดว่าคงจะอยู่ที่ประมาณเดือนละ 5-10% และเป็นอัตรานี้มายาวนานแม้ว่าดอกเบี้ยที่เป็นทางการในท้องตลาดจะเปลี่ยนไปมาก  นี่เป็นตัวเลขที่ผมประเมินจากประสบการณ์ของตนเองตั้งแต่สมัยที่ทำงานในโรงงานขนาดใหญ่ในต่างจังหวัดเมื่อกว่า 40 ปีมาแล้วที่คนงานต้องจ่ายดอกเบี้ยประมาณเดือนละ 10% จากหนี้นอกระบบ  นอกจากนั้น  แชร์แม่ชม้อยที่เกิดขึ้นในปี 2520 ก็เสนอผลตอบแทนที่...

ดวงลงทุน

0
โลกในมุมมองของ Value Investor       12 ตุลาคม 62 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ดวงลงทุน ​จากประสบการณ์กว่า 20 ปีในตลาดหุ้น  ผมเองคิดว่าตนเองนั้น  “โชคดีมาก” ที่เข้าตลาดเริ่มลงทุนอย่างจริงจังและ  “เพื่อชีวิต”  นั่นคือทุ่มเทเงินทุกบาทลงทุนในหุ้น  ในเวลาที่ถูกต้องและด้วยกลยุทธ์ที่ถูกต้องนั่นคือ  ลงทุนแบบ “VI” ในยามที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ  ราคาหุ้นตกลงมาอย่างหนักและแทบไม่มีใครสนใจจะลงทุนหรือพูดถึงตลาดหุ้นเลย  ปริมาณการซื้อขายหุ้นต่อวันเพียงไม่เกิน 3-4 พันล้านบาท  ผลที่ได้รับหลังจากเวลาผ่านไปกว่า 2 ทศวรรษก็คือ  ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างมาก  ผลตอบแทนการลงทุนที่สูงจนแทบไม่น่าเชื่อทำให้กลายเป็นคนที่มีความมั่งคั่งสูงจากคนชั้นกลางกินเงินเดือนที่กำลังตกงานและไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องย้ายลูกจากโรงเรียนอินเตอร์ออกมาเรียนโรงเรียนไทยหรือไม่  ทั้งหมดนั้น  เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดคิด  ไม่ได้เกิดจากการวางแผนรวยจากตลาดหุ้น...

ปัจจัยกำหนดทิศทางตลาดหุ้นปีหน้า

0
โลกในมุมมองของ Value Investor       21 กันยายน 62 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ปัจจัยกำหนดทิศทางตลาดหุ้นปีหน้า ​ช่วงเวลาใกล้สิ้นปีในแต่ละปี  นักลงทุน  “มืออาชีพ” ในตลาดหุ้นส่วนใหญ่แล้วก็มักจะพยายามคาดการณ์ทิศทางของตลาดหุ้นในปีหน้าว่าจะเป็นอย่างไรเพื่อที่จะกำหนดกลยุทธ์การลงทุนของตนเองว่าจะทำอย่างไรเพื่อที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีในปีหน้า  สื่อต่าง ๆ  เกี่ยวกับการลงทุนก็มักจะถาม  “กูรู” เพื่อที่จะเป็นแนวทางให้นักลงทุนทั่วไปในตลาดใช้สำหรับการลงทุน  ส่วนใหญ่แล้วนักวิเคราะห์ก็จะบอกว่าปีหน้าดัชนีตลาดหุ้นน่าจะขึ้น  ขึ้นมากหรือน้อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  เพราะนักวิเคราะห์รวมถึงกูรูทั้งหลายนั้นต่างก็มักจะเป็นคนที่  “มองโลกในแง่ดี”  และอาจจะมีแรงจูงใจที่จะชวนให้คนเข้าซื้อหุ้นผ่านบริษัทของตนหรืออยากให้คนมาซื้อหุ้นซึ่งทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นเป็นผลดีต่อทุกคนที่อยู่ในแวดวงตลาดหุ้น  เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ  ถ้ามองยาว ๆ  ย้อนไปในประวัติศาสตร์ก็จะพบว่าหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ  และให้ผลตอบแทนซึ่งส่วนใหญ่มาจากราคาหุ้นเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยถึงประมาณ 10% ต่อปีแบบทบต้น  ดังนั้น...

MOST POPULAR